วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

เช็ครอบหนัง:DC Commic ได้ยกกำลังเหล่าคนร้ายมากู้โลก ผลจะเป็นอย่างใดมาชมกันเลย

ชมหนังใหม่จากเรื่อง Suicide Squad หนังจากฝั่งเรื่อง DC Commic




นับตั้งแต่ปีหน้าจนถึงปี 2020.ก็อาจจะเรียกได้ว่าเราจักมีหนังซูเปอร์ฮีโร่ให้เราดูจากทั้งค่าย DC COMIC ด้วยกันทาง MARVEL กันอย่างไม่ขาดสายกันเลยทีเดียว เพราะว่ามีมากกว่า 10 เรื่องพร้อมกับดูเป็นมสมมติาพย์ช้างชนช้างแบบไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว.

และล่าสุดทางค่ายวอร์เนอร์ก็ประกาศออกมาแล้วว่าจะมีการสร้างหนังออนไลน์เรื่อง Suicide Squad หนังรวมดาวร้ายจากฝั่ง DC.ซึ่งตามหลังจาก Batman v Superman: Dawn of Justice. พร้อมด้วยทางสตูดิโอนั้นกระหายได้นักแสดงอย่าง

  • ไรอัน กอสลิ่ง. 
  • วิล สมิธ.
  • มาร์ก็อต ร็อบบี้.
  • ทอม ฮาร์ดี้ .

ซึ่งนั้นมาร่วมงานมากๆ เพราะที่เนื้อเรื่องนั้นจะกล่าวถึงบรรดาเหล่าร้ายที่ได้รับโอกาสจากทางรัฐบาลในการไถ่โทษจากการทำวีรกรรมชั่วร้ายในอดีต แต่ภารกิจที่พวกเขาได้รับมอบหมายนั้นก็โหดมากจนอาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นภารกิจฆ่าตัวตายกันเลยทีเดียว เพราะในกลุ่มดาวร้ายนี้จะไม่มีตัวละครไอคอนอย่างโจ๊กเกอร์พร้อมกับเล็กซ์ ลูเธอร์มาจอยด้วย.

แต่ว่าอย่างไรก็ตามตัวร้ายที่น่าจักดึงมาใช้นั้นน่าจะประกอบไปด้วย. 
  1. เด็ดช็อต
  2. ฮาร์คเนสต์
  3. วิเซน
  4. บล็อกบัสเตอร์
  5. มัลติเพล็กซ์
  6. จาคูลิ
  7. มายบล็อกเกอร์


และเพราะว่าที่ทางวอร์เนอร์เองได้กำหนดวันฉายเอาไว้ที่ 5 สิงหาคม ปี 2016.



กับด้วยวิลล์ สมิธ กับ ทอม ฮาร์ดี้ นั้นทั้งสองคนดูสนใจในข้อเสนอของทางวอร์เนอร์มากๆ เช่นเดียวกันกับดาราสาวไฟแรงอย่าง มาร์ก็อต ซึ่งในขณะที่ดาราหนุ่มหล่ออย่าง ไรอัน กอสลิ่ง ยังไม่แน่ใจ ก็เพราะว่าเขาต้องตัดสินใจว่าจักรับบทในหนังเรื่องนี้เหรอจักรอผลจากทางมาร์เวลกับการรับบทเป็น Doctor Strange อย่างไรก็ตามตัวกอสลิ่งนั้นเคยได้รับการทาบทามให้เป็น ฮัล จอร์แดน ใน Green Lantern มาก่อน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ยอมรับไปเพราะว่าคำสัญญามีการบังคับให้เล่นหนังภาคต่อ เขาจึงถอนตัวพร้อมด้วยได้ไรอัน เรย์โนลด์ มารับบทแทน แต่เนื่องด้วยตัวหนังค่อนข้างย่ำแย่พร้อมทั้งรายได้ไม่เข้าเป้านัก โครงการภาคต่อก็เลยโดนพับเก็บไป ก่อนที่จักโดนรีบูตใหม่ในปี 2020..



และก็ทางวอร์เนอร์นั้นได้หนังใหม่อย่าง Suicide Squad ไว้คล้าย ๆ กับทาง Marvel ว่ามันก็เปรียบเสมือนเป็น Guardians of the Galaxy แต่เป็นของทางฝั่ง DC นั่นเอง.

บทหนังเรื่อง GONE GIRL ปั่นหัวคนดูครั้งใหญ่




ซึ่งถึงแม้ว่าตลาดหนังทริลเลอร์ในบ้านเราอาจจะไม่เฟื่องฟูสู้ทางฝั่งฮอลลีวูดสักเท่าไหร่นัก แต่ว่าหนังเข้าใหม่ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีของกิลเลียน ฟลินน์ เรื่อง Gone Girl ก็เต็มไปด้วยมุมมองที่น่าสนใจ ตัวหนังปริปากเล่าไอเดียเรื่องของการแต่งงานที่ถูกเล่าข้ามมุมมองของสามีด้วยกันภรรยา ซึ่งทั้งสองเรื่องเล่านี้ก็ดูไม่น่าเชื่อถือพอๆ กัน.

หนังเรื่อง Gone Girl นั้นเป็นนิยายเล่มที่สามของกิลเลี่ยน ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาไทยแล้วในชื่อว่า เล่นซ่อนหาย.ซึ่งตัวผู้เขียนเองตั้งใจที่จะเล่าถึงความสัมพันธ์ของชายหญิงคู่หนึ่งที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะ สามี - ภรร ยา ตัวเรื่องหลักๆ ของนิยายเล่มนี้คือเเลื่องลือกจะเล่าถึง ความไม่ซื่อสัตย์ ของตัวละครลอดมุมมองพร้อมด้วยความคิดของ นิกและเอมี่ ดันน์.

และเพราะว่าที่เอาเข้าแท้ ๆ แล้วตัวละครทั้งสองก็ดูไม่น่าไว้วางใจใครได้เลย ทั้งสองคนไม่เหมือนแต่โกหกซึ่งกันกับกัน แต่เสมือนว่าพวกเขายังโกหกรายละเอียดบางอย่างกับคนอ่านด้วยกันคนดูอีกต่างแม้.



และพร้อมด้วย กิลเลียน ฟลินน์ นั้นที่เป็นผู้เขียนนิยายแล้ว ตัวเธอนั้นยังรับหน้าที่ในการเขียนบทหนังอีกทอดนึงด้วยเธอตั้งใจที่จักนำเสนอว่าแท้ๆ แล้วการแต่งงานนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการหลอกกันเองระหว่างคนสองคน.

และก็เพราะว่าตอนยุคที่กำลังจีบกันนั้นต่างคนก็ต่างพยายามจักนำเสนอด้านที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา ขณะที่คนที่คุณแต่งงานด้วยนั้น ตัวเองก็พยายามคาดหวังให้เขาทำได้ยอมรับข้อเสียทั้งหมดของตัวคุณด้วยเช่นกัน แต่คนรักกันจักไม่มีวันได้เห็นข้อเสียเหล่านั้นจนกระทั่งก้าวเข้าสู่ชีวิตแต่งงานอย่างแท้ยิ่งไปแล้ว.


ซึ่งสิ่งที่ผู้เขียนอย่าง ฟลินน์. ได้เลือเลื่องกเอามาเล่าในหนังฟรีนั้นจัดได้ว่าเป็นประเด็นที่ค่อนข้างหนักอึ้ง พร้อมกับมีเนื้อหาค่อนข้างรุนแรงต่อต้านสังคม ทำให้สนุกชวนติดตาม กับแน่นอนว่าเรื่องราวมันจะต้องหักมุมชนิดที่คนดูต้องอ้าปากค้าง ซึ่งอันที่จริงแล้วเรื่องการหักมุมในหนังหรือไม่ก็นิยายนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด พร้อมกับตัวฟลินน์เองก็ตั้งใจจักบรรยายผู้อ่านไม่ใช่หรือผู้ชม เป็นนัยๆ อยู่แล้วว่ามันจะมีการหักมุม เนื่องแต่ตัวเรื่องถูกใช้โครงสร้างแบบ.  “ผู้เล่าเรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจ” (Unreliable Narrator) ด้วยกัน การใส่องค์ประกอบให้คนอ่านไขว้เขว (Red Herring) นั่นเอง.

อ่านบทวิจารณ์หนังใหม่ เรื่อง วัยเป้งนักเลงขาสั้น




ในการที่ะหยิบหนังไทย เรื่องใดสักเรื่องมาวิจารณ์นั้นเรียกได้ว่าสุ่มเสี่ยงต่อการโดนอคติล่วงหน้าไปแล้วไม่มากก็น้อย เพราะว่าปัจจัยหนึ่งที่ผู้เขียนเชื่อว่าการวิจารณ์หนังใหม่นั้นไม่ได้มีแต่การ “ด่า” ว่าหนังเรื่องนั้นย่ำแย่แต่อย่างใด แต่อันที่แน่แท้แล้วการวิจารณ์ก็เป็นแค่เท่าการเสนอมุมมองบางอย่างของคนดูหนังประกอบกับเหตุผล พร้อมทั้งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าบางครั้งการพูดถึงหนังไทยก็เป็นการ สะท้อน อุตสาหกรรมการทำหนังไทยว่าปัจจุบันวงการแผ่นฟิล์มบ้านเรามีการพัฒนาไปถึงไหนกันแล้ว.

เรามากลับมาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า เพราะว่าหนังเรื่อง.วัยเป้งนักเลงขาสั้น เป็นผลการงานกำกับภาพยนตร์ของ พชร์ ภเศฐ ที่เป็นชื่อใหม่ของพี่พจน์ อานนท์นั่นเอง ตัวหนังหมายเล่าเรื่องราวของการยกพวกตีกันของเด็กนักเรียนวัยมัธยมระหว่างกลุ่ม เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว มีเป้งเป็นหัวหน้าแก๊ง พร้อมกับ แก๊ง ไส้เลื่อนสะเทือนติ่ง เพราะว่ามีติ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง เรื่องราวก่อนหน้านี้เป้งกับติ่งเคยเป็นเพื่อนรักพร้อมทั้งอยู่เรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อน แต่ว่าก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองแตกหักกันด้วยกันต้องเอาเรื่องกันอยู่ตลอดเวลา.


แต่แล้วเหตุการณ์ก็ยิ่งบานปลายขึ้น ตราบเป้งถูกฝ่ายปกครองของโรงเรียนยื่นคำขาดว่าถ้าสมมุติเขายังคงมีพฤติกรรมในการยกพวกตีกันอยู่ ทางโรงเรียนจะไล่เขาออก ประกอบกับน้องชายของเป้งอย่างป๋องแป๋งที่มีความฝันที่จะประกวดวงดนตรีเป็นของตัวเอง เขาจึงอัดคลิปวงของเขา ปลดปล่อยลงยูทูป ซึ่งปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ยอดวิวพุ่งกระฉูด จนได้รับการติดต่อให้ไปเล่นเป็นวงเปิดในคอนเสิร์ตของศิลปินดัง ป๋องแป๋งดีใจมาก ทางฝ่ายติ่งทราบเรื่อง จึงยกพวกเตรียมบุกงานคอนเสิร์ต.

พร้อมด้วยการหยิบยกประเด็นเรื่องเด็กวัยรุ่นยกพวกตีกันนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย.  แต่สิ่งที่วัยเป้งนำเสนอเหตุผลของการยกพวกตีกันนั้น ตัวหนังก็ไม่ได้พยายามหาเหตุผลมากล่าวโทษเยาวชนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ว่าพวกเขาทำไปก็เพราะว่าความคึกคะนอง ศักดิ์ศรี ใช่ไหมว่าอะไรก็ตาม พวกเขาเช่นต้องการจะค้นหาตัวเองกับหาทางออกให้กับชีวิตเท่านั้น.


โดยที่อันที่เป็นที่แน่แท้แล้ว สไตล์หนังของพี่. พชร์ ภเศฐ เราจะทราบกันว่าในหนังแทบทุกเรื่องของเขาจักมีการผูกบทอย่างหลวมๆ พร้อมด้วยเหตุการณ์หนึ่งของเรื่องก็ทำเป็นโยงไปสู่อีกเหตุการณ์หนึ่งได้อย่างอัศจรรย์ ตัวละครในหนังบางตัวก็ไม่ได้มีความสลักสำคัญอันใดแทบเพื่อใส่เข้ามาเพื่อจุดประสงค์เดียวนั่นก็คือการสร้างเสียงหัวเราะคั่นที่บังตาเท่านั้น.

ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้นั้นก็คือการใส่ตัวละครคู่เกย์อย่าง.มูฟวี่ แสดงเพราะว่า ภาสกร สารรัตนะ พร้อมด้วย ซีรีส์ แสดงเพราะ สุรวิชญ์ เรืองยศ ซึ่งแต่ละคนต่างก็อยู่คนละแก๊งแต่ทั้งคู่กลับตกหลุมรักกัน นักๆ หนังก็ไม่ได้สร้างจุดพลิกผันให้กับตัวละครนี้สักเท่าไหร่ เหมือนถูกใส่เข้ามาเพื่อเอาใจสาว Y ให้ดูฝาผนังผู้ชายสองคนจูบกันเสียมากกว่า ในขณะที่กำแพงไคลแมกซ์ก็เปลี่ยนให้ทั้งคู่ต่อยตีกัน ก่อนจะลงเอยด้วยการกลับมารักกันเช่นเดิม.



แต่นั่นดูเหมือนแต่ว่าในขณะที่เรามองหาความสมเหตุสมผลจากหนังเรื่องนี้ไม่ได้เท่าไหร่นัก การแสดงของเมย์ ภัทรวรินทร์ ทิมกุลในบทแม่ของเป้งพร้อมด้วยป๋องแป๋งนั้นก็เรียกได้ว่า แม้ตัวละครนี้จักไม่ได้ลุ่มลึกมากเท่าไหร่ แต่การแสดงแสดงในบท แม่.  ของเธอก็เรียกได้ว่าซีนอารมณ์ที่ใช้อารมณ์หนักๆ มากนั้น เธอแสดงออกมาได้ดีพอสมควรพร้อมด้วยเกือบเอาคนดูสะเทือนใจพร้อมทั้งน้ำตาไหลไปพร้อมๆ กับเธอเลยทีเดียว น่าแปลกเช่นกันที่หลายต่อหลายฝา เธอเป็นเหมือนตัวละครที่แสดงอะไรเพียบๆ ล้นๆ เกินๆ แต่ในม่านบังตาที่เรียกร้องการแสดงอารมณ์ดราม่า.เธอกลับแสดงออกมาได้อย่างเข้าถึงอารมณ์จริงๆ



ถ้าจักว่ากันนักๆ หนังเรื่องวัยเป้งนักเลงขาสั้นอาจจักเป็นหนังในกลุ่มที่ ไม่ต้องคิดอะไรมาก หนังจักดูสนุกขึ้น กว่าที่ควรจะเป็น การมองข้ามความสมเหตุสมผลตามความเป็นแน่แท้อาจจะช่วยทำให้คุณบันเทิงไปกับรอบหนังได้ไม่น้อย พร้อมทั้งที่สำคัญคือสาวๆวัยทีนน่าจักชื่นชอบที่มีเด็กหนุ่มหน้าตาดีเป็นโหลมาทำให้สาวๆหัวใจชื้นกันไปอีกหลายวัน.

ขอยกให้ 2 คะแนนจาก 5 คะแนน.

@พริตตี้ปลาสลิด

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

เช็ครอบหนัง Stonehearst Asylum ภายในสัปดาห์นี้ พร้อมด้วยเหตุวันคริสมาสต์

บทวิจารณ์หนังเนื้อความ Stonehearst Asylum


 


โดยที่สถานการณ์ที่ปฏิสนธิขึ้นในหนัง Stonehearst Asylum.ได้หมายเล่าเรื่องราวของนาย เอ็ดเวิร์ด นิวเกท หรือ จิม สเตอร์เจส. ซึ่งคือนักเรียนหมอจบใหม่ลูกจากฮาร์วาร์ดที่ย่างเท้าทางมาทำงานในสถานที่แห่งนี้ ถึงกระนั้นสถานจิตเวทแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยความผิดปกติบางอย่างที่เอ็ดเวิร์ดเองก็สัมผัสได้มาตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าที่มีแม้กระนั้นบุคคลที่มีท่าทีประหลาดออกมาต้อนรับด้วย ท่วงทีพิลึกพิลั่น พร้อมกับอย่างไรดี.

แม้ว่าเขาจักดูไม่ค่อยไว้วางใจกับสถานที่ที่แห่งนี้สักเท่าไหร่ก็ตาม การได้พบกับหญิงงามอย่าง เอลิซ่า ไม่ใช่หรือ เคท เบคคินเซล ที่เป็นคนไข้ของสถาบันจิตเวชสโตนเฮิร์ส. ก็เหมือนจะทำให้เขาใคร่จักช่วยเหโจษเธอ.

แต่แล้วในกลางดึกของคืนวันหนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงลึกลับมาจากด้านล่างของตึก. ตราบใดลงไปสำรวจดูเขาก็พบกับคุกใต้ดินที่จองจำ เบนจามิน ซอลท์ หรือไม่. ไมเคิล เคน ชายที่อ้างตัวว่าเป็น ผู้อำนวยการประจำสถานจิตเวทแห่งนี้ก่อนที่เขาจักโดนคนไข้โรคจิตอย่าง ไซลาส แลมป์ หรือไม่ เบน คิงสลีย์ ยึดอำนาจไปปางหลายอาทิตย์ก่อน เอ็ดเวิร์ทคือความหวังเดียวในการช่วยเหระบือเหล่าหมอกับพยาบาลเจือปนไปถึงอลิซ่าอีกหนึ่งปราณีด้วย.


   


โดยที่ตัวหนังเข้าใหม่ได้ทำให้ตรงแปลงมาจากนวนิยายของเอ็ดการ์ อัลเลน โพ ในชุด The System of Doctor Tarr and Professor Fether. ซึ่งตัวจอเงินนั้นในบรรยากาศย้อนยุคขั้ววิตอเรียนผสมโกธิค ทำให้บรรยากาศตลอดการดูหนังเรื่องนี้มีความขมุกขมัว.


ยิ่งไปกว่านั้นการปกปิดอำพรางรายละเอียดของตัวละครทุกตัวในเหตุการณ์จึงทำให้คนดูรู้สึกสงสัยใคร่รู้พร้อมทั้งกระหายจะทำความรู้จักกับตัวละครกลุ่มนี้มากขึ้น ว่าตกลงแล้วปรากฏเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่ในสถานที่ที่แห่งหนนี้.

 เพราะปมประเด็นที่ถูกเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงขึ้นต้นต้นของเรื่องภายหลังที่ผู้ชมได้เห็นอาการชักเหตุเพราะการบ่งชี้อาการฮิสทีเรียของอลิซ่า. ได้กลายมาเป็นจุดที่ขับเคลื่อนให้หนังเดินไปข้างหน้าตั้งแต่ต้นจนกระทั่งตอนจบ.

และแน่นอนว่าปมดังกล่าวนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอามา. สับขาหลอก ให้ผู้ชมมัวแต่ไปสนใจประเด็นกระแสความรักที่พระเอกหมายจักช่วยเหโจษนางเอกออกไปจากสถานจิตเวทแห่งนี้ ทั้งที่การมองในแง่เชิงเหตุพร้อมด้วยผลแล้วไปมันช่างดูย้อนกลับไปแย้งกันสิ้นดี.

แต่ว่า หนังก็หาคำอธิบายแก้ต่างให้กับจุดที่ผู้ชมสงสัยเคเล่าลือบแคลงได้ในจุดหักมุมท้ายเรื่องที่เรียกได้ว่าคนดูก็หน้าหงายไปตามๆ กัน.


   


พร้อมด้วยตัวอย่างหนังใหม่อย่างไรก็ตาม เพราะด้วยความน่าสนใจทางด้านการแสดงนั้นคงต้องปรบมือที่เรื่อง Stonehearst Asylum. ได้นักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง เบน คิงสลีย์ มาถ่ายทอดบุคลิกคนบ้าที่แอบซ่อนความผิดปกติบางอย่างไว้ในจิตใจของตน.

พร้อมกับตราบใดทุกอย่างถูก ปลดล็อค ออกมาแล้ว กลับกลายเป็นว่าเขากลายเป็นตัวละครร้ายที่น่าเห็นใจมากกว่าจักที่จักทำให้ผู้ชมสมน้ำหน้ากับสิ่งที่เขาพึงกระทำไปในช่วงตลอดทั้งเรื่อง.

ซึ่งถึงแม้ว่าบทสรุปความของหนังจักเข้าโหมดผาสุกก็ตาม แต่มันได้สะท้อนให้ผู้ชมแลว่า อันที่แน่นอนแล้วความบ้าพร้อมด้วยเสียสตินั้นอยู่ในตัวของคนทุกคนเลยเช่นกัน @พริตตี้ปลาสลิด 3 คะแนนจาก 5 คะแนน.

มาดู 5 หนังอุบัติรักวันคริสมาสต์

วันคริสมาสต์ หนึ่งในวันเทศกาลสากลนิยมที่หลายคนมักเฝ้านึกถึงซานตาคลอสด้วยกันกวางเรนเดียร์ ไม่รวมไปถึงกระเช้าของขวัญ หรือไม่ถุงเท้าที่ห้อยอยู่ข้างๆหน้าต่างเผื่อรอซานต้ามาเยือน เพื่อที่ว่าตื่นเช้ามาแล้วจะได้รับของขวัญอยู่ด้านใน หรือไม่ก็แม้กระทั่งต้นคริสมาสต์ที่ประดับประดาไฟจนงดงาม แต่เราจะไม่พูดถึงความอัศจรรย์เหล่านั้นธรรมดาๆ เพราะว่านี่เป็นอีกหนึ่งวันที่มความรักเบ่งบานแบบในหนังเรื่องถัดจากนี้.

 1.Love Actually ปี 2003

   


เพราะด้วยเช็ครอบหนังรักขวัญใจมหาชน รวมดาราดังจากอังกฤษอย่างคับคั่ง กล่าวเล่าเรื่องราวของความรักในหลากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็น

1.นายกรัฐมนตรีกับแม่บ้าน
2.นักเขียนหนุ่มที่หนีรักไปพักใจ
3.สามีที่รักกันมานมนานจะนอกใจ
4.เจ้าสาวที่ถูกหนุ่มเพื่อนสนิทตกหลุมรัก
5.พ่อเลี้ยงที่พยายามทำความเข้าใจลูก
6.สาวออฟฟิศที่พยายามจะจีบเพื่อนร่วมงาน

ซึ่งนี่กลายเป็นหนังรัก หลายชีวิต ที่ครอบใจผู้คนมากมาย เพราะว่าจุดไคลแมกซ์ของหนังมาบรรจบกันในช่วงคริสมาสต์อีฟ ซึ่งเต็มไปด้วย
1.ความรัก
2.สมหวัง
3.ผิดหวัง

ดังคอนเซ็ปที่ว่า ทุกหัวใจมีรัก


 2.The Holiday ปี 2006 


   

ทางด้านของอแมนด้า ไม่ก็ คาเมรอน ดิเอซ เจ้าของบริษัทโฆษณาในแอลเอ. ด้วยกัน ไอริส หรือไม่ก็ เคต วินเสลต คอลัมนิสต์ในชนบทอังกฤษ ทั้งสองรู้สึกหมายจักทิ้งผู้ชายในชีวิต ทั้งคู่จึงตกลงใจแลกเปลี่ยนบ้านกันเป็นเวลาสองอาทิตย์ก่อนถึงวันคริสมาสต์ ระหว่างที่แลกเปลี่ยนบ้านกันนั้นเองทั้งคู่ก็ได้พบกับชายหนุ่มที่เดินเข้ามาเปลี่ยนแปลงหัวใจของทั้งคู่


 3.NOEL ปี 2004

   

เหตุด้วยในมหานครเมือง นิวยอร์คกับ คืนวันคริสต์มาสอีฟ บรรณาธิการม่ายสาวใหญ่ โรส ใช่ไหม ซูซาน เซเรนดอน ได้หวังว่าจักเกิดปาฏิหาริย์ให้แม่ของเธอซึ่งพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

แต่ในขณะเดียวกันกับที่สาวเชื้อสายลาติน นีน่า ไม่ใช่หรือ เพเนโลปี้ ครูซ ยกเลิกการหมั้นกับคู่หมั้น ไมค์ ไม่ก็ พอล วอร์คเกอร์ เนื่องด้วยความเป็นคนขี้หึงหวงจนเกินไปด้วยกันในช่วงเวลานี้เองที่ทุกชีวิตกับความรู้สึกต่างปรารถนาว่าจักเกิดปาฏิหาริย์กับตนเอง.

นี่จัดเป็นผลงานรักโรแมนติกอีกเรื่องของดาราผู้ล่วงลับอย่างพอล วอลเกอร์ แม้ตัวหนังจะเข้าฉายเงียบๆ ในบ้านเรา แต่จัดเป็นหนังที่สนุกโรแมนติกมากอีกเรื่องเลย.


 4.Serendipity ปี 2001


   


พร้อมทั้งในโปรแกรมหนังเทศกาลสุดวุ่นวายอย่างคริสมาสต์ โจนาธาน เทรเกอร์ ไม่ก็ จอห์น คูแซค ได้พบกับซาร่า โทมัส ใช่ไหม เคต เบคคินเซล เพราะบังเอิญ.

แม้ว่าทั้งคู่ต่างก็มีเจ้าของหัวใจกันอยู่แล้ว แต่แม้ว่าโจนาธานเสนอที่จักแลกเบอร์โทรของกันพร้อมกับกัน แต่ซาร่ากลับเสนอความคิดที่ว่าให้โชคชะตาเป็นผู้กำหนด ว่าถ้าพวกเขาเป็นคู่แท้กันสุทธิๆ พวกเขาจะได้กลับมาพบกันอีก หลายปีทะลุทะลวงไปแต่ละคนต่างมีชีวิตเป็นของตนเอง

แต่ก่อนจะแต่งงานหัวใจของทั้งคู่กลับเรียกร้องแม้ัน ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในหนัง เรื่องพรหมลิขิต ที่ดูแล้วเราอดเอาใจช่วยคู่พระนางไม่ได้เลยแน่นอนๆ.


 5.Ghosts of Girlfriends Past ปี 2009


   

ตัวของคอนเนอร์ เหรอ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ที่เป็นช่างภาพแฟชั่นจอมเจ้าชู้ที่มีครบทุกสิ่ง ยกเว้นรักแท้ที่เจ้าตัวก็ไม่เคยศรัทธาเหมือนกัน แต่ทุกอย่างจักเปลี่ยนไป.

ตราบใดคอนเนอร์กลับบ้านไปร่วมงานแต่งงานของน้องชายพร้อมด้วยได้เจอกับวิญญาณคุณลุงเวย์นของเขา หรือ ไมเคิล ดั๊กลาส พร้อมผีสาวสามนางที่เวียนกันสอนให้โคลินต้องเปลี่ยนทัศนคติไป ด้วยกันได้พบว่าผู้หญิงที่เป็นรักแท้นั้นอยู่ไม่ไกลจากเขาเลย ตัวหนังนั้นดัดแปลงมาจากนิยาย A Christmas Carol ของชาร์ล ดิกเคน ที่มีกลิ่นอายเรื่องของความมหัศจรรย์ในคืนวันคริสมาสต์.